ท่าไม้ตายท่าต่างๆ

ท่าไม้ตายท่าต่างๆ

คำอธิบาย

Tomahawk
เป็นการตีลูกพิเศษที่ทำให้ลูกกระโจน 2 จังหวะกลางอากาศ แล้วลงมาระเบิดฝังพื้น จุดตก (carry) จะเป็นจุดปลายทาง
เหมาะสำหรับการตีข้ามสิ่งกีดขวางเพื่อไปถึงเป้าหมายทันที โดยไม่ต้องคำนึงถึงอุปสรรคด้านล่าง

Cobra
เป็นการตีลูกพิเศษที่ทำให้ตอนออกตัว ลูกจะพุ่งเลียดพื้น แล้วลอยขึ้นสูงในจังหวะสุดท้าย
ลูกที่ถูกตีออกไปจะถูกลมหนุนมากที่สุด ถ้าใช้ให้ถูกหลักลมจะเป็นตัวช่วยอย่างดี
แต่ถ้าไม่คำนวนลม หรือตีผิดจังหวะ ลูกพิเศษนี้จะส่งผลร้ายมากกว่าดี มีบางสนามเท่านั้น
ที่ต้องอาศัยลูกพิเศษนี้เพื่อย่นระยะทางก่อนถึงหลุม

Beam Impact
คือ การตีลงหลุมโดยลูกกอล์ฟไม่ตก หรือกระเด้งบนพื้นเลยซักครั้ง
คล้ายกับชู้ตลูกบาสลงห่วงโดยไม่กระทบอะไรเลยในบาสเก็ตบอล

Curve
คือการตีไซด์โค้ง มีประโยชน์พอสมควรถ้ารู้จักใช้ดีๆ
หากถนัดลูกโค้งค่านี้ก็จะช่วยได้มาก รวมถึงตอนตีหลบสิ่งกีดขวางต่างๆเช่น เสา ภูเขา ต้นไม้

Super Pangya
คือการตีโดยใช้เกจปังย่าในการตีทำให้สามารถตีได้ไกลขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับในการข้ามน้ำ ข้ามทะเล และข้าม O.B. ต่างๆ

วิธีกดท่าไม้ตาย

Basic

Super Pangya =
ใช้เกจปังย่า + ตีโดนปังย่า

Super Pangya X 2 =
ใช้เกจปังย่า + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Tomahawk =
ใช้เกจปังย่า + ขึ้น ลง แล้วตีโดนปังย่า

Power Tomahawk =
ใช้เกจปังย่า 2 เกจ + ขึ้น ลง แล้วตีโดนปังย่า


ระยะตีจากท่า Power Tomahawk เมื่อเทียบกับระยะการตี
Tomahawk และการตี แบบธรรมดา

Cobra =
ใช้เกจปังย่า + ขวา บน แล้วตีโดนปังย่า

Power Cobra =
ใช้เกจปังย่า 2 เกจ + ขวา บน แล้วตีโดนปังย่า


ระยะตีจากท่า Power Cobra เมื่อเทียบกับระยะการตี
Cobra และการตีแบบธรรมดา

Spin หน้า =
กลิ้งลูกม้วนไปข้างหน้า (คลิกที่ลูกด้านบน หรือกด Ctrl+ขึ้น) เวลาตีให้กด ขึ้น ค้างไว้ แล้วตีโดนปังย่า

Spin หลัง =
กลิ้งลูกม้วนกลับหลัง (คลิกที่ลูกด้านล่าง หรือกด Ctrl+ลง) เวลาตีให้กด ลง ค้างไว้ แล้วตีโดนปังย่า

Curve ซ้าย =
กลิ้งลูกไปทางซ้าย (คลิกที่ลูกด้านซ้าย หรือกด Ctrl+ซ้าย) เวลาตีให้กด ซ้าย ค้างไว้ แล้วตีโดนปังย่า

Curve ขวา =
กลิ้งลูกไปทางขวา (คลิกที่ลูกด้านขวา หรือกด Ctrl+ขวา) เวลาตีให้กด ขวา ค้างไว้ แล้วตีโดนปังย่า

Spike =
ใช้เกจปังย่า + ตีโดนปังย่า + เวลาตีกด ขวา ลง


ระยะของท่า Spike Shot เมื่อเทียบกับระยะการตีแบบธรรมดา

Power Spike =
ใช้เกจปังย่า 2 เกจ + ตีโดนปังย่า + เวลาตีกด ขวา ลง


ระยะตีจากท่า Power Spike เมื่อเทียบกับระยะการตี
Spike และการตีแบบธรรมดา


Pro

Tomahawk Power Spin x 2 (หน้า) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกม้วนไปข้างหน้า (คลิกที่ลูกด้านบน หรือกด Ctrl+ขึ้น) + เวลาตีกด ขึ้น ลง แล้วกด ขึ้น อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Tomahawk Power Spin x 2 (หลัง) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกม้วนกลับหลัง (คลิกที่ลูกด้านล่าง หรือกด Ctrl+ลง) + เวลาตีกด ขึ้น ลง แล้วกด ลง อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Tomahawk Power Cruve x 2 (ซ้าย) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกไปทางซ้าย (คลิกที่ลูกด้านซ้าย หรือกด Ctrl+ซ้าย) + เวลาตีกด ขึ้น ลง แล้วกด ซ้าย อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Tomahawk Power Cruve x 2 (ขวา) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกไปทางขวา (คลิกที่ลูกด้านขวา หรือกด Ctrl+ขวา + เวลาตีกด ขึ้น ลง แล้วกด ขวา อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Cobra Power Spin x 2 (หน้า) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกม้วนไปข้างหน้า (คลิกที่ลูกด้านบน หรือกด Ctrl+ขึ้น) + เวลาตีกด ขวา ขึ้น แล้วกด ขึ้น อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Cobra Power Spin x 2 (หลัง) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกม้วนกลับหลัง (คลิกที่ลูกด้านล่าง หรือกด Ctrl+ลง) + เวลาตีกด ขวา ขึ้น แล้วกด ลง อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Cobra Power Cruve x 2 (ซ้าย) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกไปทางซ้าย (คลิกที่ลูกด้านซ้าย หรือกด Ctrl+ซ้าย) + เวลาตีกด ขวา ขึ้น แล้วกด ซ้าย อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

Cobra Power Curve x 2 (ขวา) =
ใช้เกจปังย่า + กลิ้งลูกไปทางขวา (คลิกที่ลูกด้านขวา หรือกด Ctrl+ขวา) + เวลาตีกด ขวา ขึ้น แล้วกด ขวา อีกทีค้างไว้ + ตีโดนปังย่า และ Max Power ที่การตีครั้งแรกของสนาม

[ เงื่อนไขของการติด x 2 คือ ต้องใช้เกจปังย่า และ ติด Max Power สำหรับท่าพิเศษธรรมดาไม่จำเป็นต้อง Max นะครับ ]

[** ที่ทำเน้นสีแดงๆไว้คือไม่มี X2]


By ลุงอ้วนแดง (Webmaster) , Pangya Webbord
http://board.pangya.in.th/viewtopic.php?t=87


Last update:- 16/05/50

Command คำสั่งลัด พิมพ์ที่ช่องMessage


/w ชื่อเล่น ข้อความ
= กระซิบหาบุคคลนั้น

/ignore ชื่อเล่น
= ปิดกระซิบคนที่ไม่ต้องการคุย

/unigonore ชื่อเล่น
= เปิดกระซิบคนที่่ต้องการคุย

/savechat
= เซฟข้อความที่คุยกัน

/find ชื่อเล่น
= หาบุคคลนั้นจากชื่อเล่นได้ภายในเซพเวอร์เดียวกันเท่านั้น

/addfriend ชื่อเล่น
= บันทึกบุคคลนั้นเป็นเพื่อน

/admitfriend ชื่อเล่น
= ยื่นข้อเสนอกับบุคคลนั้นเป็นเพื่อน

/delfriend ชื่อเล่น
= ลบบุคคลนั้นออกจากการเป็นเพื่อน

/time
= ตรวจสอบเวลาในขณะนั้น

/where
= ระบุ Server ที่เราอยู่ **ใช้ไม่ได้ใน SS3

/join หมายเลขห้อง พาสเวิร์ด
= เข้าห้องนั้นอัตโนมัติ **ถ้าไม่ต้องระบุพาสเวิร์ดไม่ต้องใส่พาสเวิร์ด

/kick ชื่อเล่น
= เตะบุคคลไม่พึงประสงค์(เกรียน)ออกจากห้อง


Last update:- 16/05/50

Key คีย์ลัด


Ctrl+C
= เปิด/ปิดแชท

Ctrl+E
= เรียกอีโมชั่น

Ctrl+H
= เปิด/ปิด Interface

Ctrl+R
= แทนการกด Ready เพื่อเริ่มเกมส์

Alt
= ตอนพัดทำให้ตัวล่องหน

ส่วนหนึ่งที่เอามาจากคู่มือการเล่น

0
= มุมกล้องแผนที่สนาม (Map camera)

1
= มุมกล้องจุดดรอปลูก (Dropping point camera)

Tab
= เปิด/ปิด แสดงผลคะแนน (See score)

i
= เปิด/ปิด หน้าต่าง Item ที่นำติดตัวมา (Item window)

Enter
= เปิด/ปิด หน้าต่างพูดคุย (Chatting window)

Shift + ปุ่มขึ้น หรือ ปุ่มลง
= ซูมมุมกล้องเข้า-ออก (Free camera forward-backward)

Ctrl + ปุ่มลูกศร
= เลือกจุดความแรง (Select hitting point)


เครดิตบาย Moki
http://board.ini3.co.th/viewtopic.php?t=16187&start=0

การตีเบสิคที่ทุกคนควรทราบอย่างยิ่ง by waterboyd
[/u]

กระทู้นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ ตีลูกสปินเป็นแล้ว หรือเข้าใจวิธีการเลือกจุดตีบนลูก

เนื่องจากคนไม่ค่อยอ่านวิธีเล่นกัน ตีสปินเป็น
รู้แต่ว่า สปินตียังไง แต่ไม่รู้ตีแล้ว ควรตีเมื่อไหร่ ตีกันไม่มีหลัก ตีเสีย หรือ ควรตีได้ดีกว่านี้
ทำให้เสียอารมณ์ แถมเสียทรัพย์เสียประวัติได้ บ้างก็ออกห้องเล่น บ้างก็ออกจากเกม

ผม waterboyd ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้นำเสนอบทความเล็กๆ

เรื่องการเลือกตีจุดกระทบต่างๆ บนลูก
วิธีตี ให้กด CTRLค้างไว้ แล้วเลือกจุดตีลูก (เอามากเอาน้อยกำหนดความแรงได้ด้วย) หรือใช้เม้าส์จิ้มเลือกจุดบนลูกได้เลย

จุดตีต่างกันบนลูกส่งผลกับวิถีโค้งอย่างไรไปดูกัน ชัดๆ



1. ดูลักษณะการตกของลูก (ตีขึ้นเขา ข้าม Rough ข้ามทราย) ใส่สปินได้เมื่อกดทิศทางค้างไว้และตีโดนปังย่า

จะเห็นได้ว่าตีหัวลูกหรือใส่สปินหน้าหมดสิทธิ์ขึ้นกรีน...ตีลูกตามปกติพอมีโอกาส...ตีก้นลูกโอกาสขึ้นมีมาก


2. ตีสปิน เด้งน้ำได้ ส่วนใหญ่ใช้ สปินหน้า
สปินหลัง อาจได้ใช้เฉพาะตอนเด้งน้ำขึ้นกรีนเลยและลมช่วยหนุนแรง


3. ตีข้ามน้ำ ไปเกาะสูงกว่า หรือสูงเท่ากัน เช่นสนาม blue ทั้งหลาย
สปินหน้าเสี่ยงไม่ถึงมากๆ หากเจอลมต้าน ไม้แรงไม่พอ หรือเล็งจุดมีพื้นที่รับลูกตกน้อยไป
ถ้าท่านเจอปัจจัยอย่างน้อย 2 ดังกล่าว แล้วยังตีแบบ top impact หรือ spin หน้าอีก ได้ลงน้ำชัวร์


4. มีต้นไม้ขวางหน้า เช่นสนาม wiz wiz, blue moon ไม่ควรตี top impact หรือ spin หน้า เข้าใส่
ท่านจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้

จากตัวอย่างที่ยกมาไม่ใช่สปินหน้าไม่ดีนะครับ สปินหน้าอาจได้ใช้ เช่น
...1 ตีไม้แรก หากเป็นบริเวณพื้นที่ลงเนินจะกลิ้งไกลขึ้น ได้ระยะ overdrive ดีกว่างัดลูก (ถ้าเจอพื้นที่ขึ้นเนิน หรือตีทวนลม ให้ใช้ตีงัดลูกแทนนะ)
...2 ตีเพื่อให้ลูกลอยต่ำหลบต้นไม้หรือตกเร็วเพื่อลอดต้นไม้
...3 ชิพขึ้นกรีนเน้นกลิ้งด้วยไม้หัวเหล็ก
...4 ตีเพิ่มระยะด้วยสปินไกลจากยาเขียว
(ติดยามือใหม่ไปลองใช้ดู ยาขวดสามเหลี่ยมเขียว ตีให้ติดสปินนะ พุ่งทีตะลึง)


5. การตีลูกเลี้ยวโค้ง (สปินข้าง) หลบภูเขา หรือหลบต้นไม้ เช่นสนาม wiz wiz
ตีขวาไปซ้าย ลูก DRAW ตีซ้ายไปขวา ลูก FADE
จะติดเป็น power curve เมื่อกดทิศทางค้างไว้และตีโดนปังย่า ซึ่งวิถีโค้งจะมากกว่าปกติ
ถ้ามีลมพัดทางข้าง จะช่วยเสริมให้โค้งกว่าเดิม หรือช่วยต้านโค้งน้อยลงก็ได้

และก็การตีไซด์ไม่จำเป็นต้องตีโดนปังย่าเสมอไป
ท่านสามารถตีเพิ่มความโค้งได้ โดยลูก fade ตีโดนขวา .. ลูก draw โดนซ้าย
หากท่านไม่ได้เลือกจุดตีลูก fade หรือ draw จะเกิดอะไร หากตีไม่โดนปังย่า
A.โดนทาง draw+ ลูกจะเบี้ยวออกซ้าย B.โดนทาง fade+ ลูกจะเบี้ยวออกขวา (เรียกว่า ตีเบี้ยว)
C. ยิ่งตีเกือบจะหลุดแถบสีชมพู ลูกจะพุ่งไม่ตรงออกนอกทางแต่แรกเลยนะครับ
อันนี้ตีแป็กของจริง 100% กอล์ฟจริงๆ หัดไดรว์ใหม่ๆ ก็แป็กกัน Laughing

ท่านยังสามารถ ตีลูกผสมได้ด้วย โดยตีจุดเฉียงของลูก
เช่น top fade, bottom draw และสามารถใส่สปินได้อีกด้วย เป็นต้น


6. ไม้ต่างๆ ให้วิถีโค้งลูกไม่เหมือนกัน เนื่องจากหัวไม้ทำองศากระทบลูกไม่เท่ากัน

หัวไม้องศาจะต่ำ ลูกพุ่งต่ำ แต่ผลักลูกไปได้ไกลมาก ตกพื้นแล้วกลิ้งมาก

หัวเหล็กเบอร์น้อยองศาน้อย เบอร์มากองศามากงัดลูกได้สูง กับ หัวเวดจ์ องศามากสุด สามารถช้อนลูกลอยได้สูง
ไม้ทั้ง 2 แบบนี้ ถ้าตีเต็มแรง ลูกจะโด่งมาก ลมจะมีผลกระทบต่อลูกมากเช่นกัน

มาดูการใช้งาน เช่น ตีไปตกหน้าต้นไม้ ตามใช้หัวไม้งัดลูกไม่พ้นแน่นอน
ถ้าสภาพสนามสุดวิสัยจริงๆ ท่านต้องยอมเสียระยะ ใช้หัวเหล็กเพื่องัดลูกข้ามไป
หรือใช้หัวไม้ตี power curve ฉีกหลบออก พิจารณาสถาณการณ์เกมด้วย

ลูกตกหน้าขอบหลุมทราย หรือขอบหญ้า ใช้หัวไม้ตี เสี่ยงลูกไม่พ้นขอบได้ครับ เสียระยะทันที
สังเกตุขอบสูงมากน้อยด้วย อาจจะลองหัวไม้ได้ และตีที่ bottom impact เสริม งัดลูกขึ้น
แต่ดูแล้วขอบชันมาก ก็ใช้หัวเหล็กหรือเวดจ์ชัวร์กว่าเยอะครับ ตามระยะต้องการ

ตีข้ามเขา เช่นสนาม wiz wiz ต้องสังเกตุที่ระยะห่างจากเขา และความสูงครับ
ถ้าใกล้ๆ และยังสูง ใช้หัวไม้ 1W อาจจะตีไม่พ้นได้ แม้จะงัดลูกแล้วก็ตาม อาจต้องลดเป็น 2W หรือ 3W

กรณีสุดท้าย ถ้าลูกอยู่ใกล้ต้นไม้สูงมากๆ จำเป็นต้องใช้ไม้ที่ตีแรงกว่าช่วงระยะหลุม เพื่อตีให้ลูกพุ่งลอยต่ำหลบกิ่งได้นะครับ จำเป็นต้องกะแรงตีไม่เต็มเกจ

7. วิธีกะแรงตี
แรงเกจมี 10 ขีด ok ให้เอาค่าระยะของไม้ หาร 10 ผลลัพธ์ก็จะได้ว่าขีดแรงละเท่าไหร่นะ
เช่น ไม้ 6i 140y หาร 10 ได้ 14 หมายความว่า ขีดละ 14y

จากการตีตัวอย่าง ระยะ 90y ถ้าใช้ไม้6i 140y
วิธี1. นับ 14 บวกทบขีดไปเรื่อยๆ 14..28..42.....64..98 กะๆเอาครับ จะไปตกที่ประมาณตี 6 ขีดกว่าๆ
วิธี2. ให้เอา 14 หาร 90 ไปเลย 90/14 ได้ประมาณ ตี 6 ช่องกว่าๆ(14x6=64 .. 14x7=98 )
วิธี3. ดูที่ค่า ครึ่งนึงของไม้เลยครับ คือขีดที่ 5 = 70y บวกอีก 14(1ขีด) = 84y อ้า....ตีประมาณ 6 ขีดนิดๆ นี่เอง
ถนัดวิธีไหนไปใช้กันประมาณเอา Wink

ไม้ Wood และ Iron ถ้าท่านตีแบบไม่เต็มแรง จะมีข้อผิดพลาดของระยได้ ความแม่นยำจะลดลง
ทั้งนี้ขึ้นกับความคุ้นเคยกับไม้ของแต่ละคนนะครับ
เพราะตีแบบนี้ ลูกจะพุ่งต่ำๆ ทำให้ลมมีผลกระทบน้อยลง แต่กะระยะตอนลูกกลิ้ง ยาก

เช่น ไม้ 3W ตีแค่ 60% ของเกจ ลูกจะพุ่งแรง และลอยต่ำมาก ตกพื้นเร็ว แล้วกลิ้งไหลเกิน ระยะ 60% แน่นอนครับ
ถ้าไปตีขึ้นเนิน ลูกจะตกใส่เนินก่อน ทำให้หมดแรงกลิ้ง กลับเสียระยะ 60% ได้

ไม้ Iron เหล็กเบอร์น้อยๆ 2I-6I ตี ไม่เกิน 70% ลูกจะอาการเหมือนๆ ไม้ wood เช่นกัน
ลูกลอยไม่โด่งนัก ตกพื้นแล้วกลิ้งไหลค่อนข้างมากทีเดียว เกินระย 70% เกจได้
ฉะนั้นการกะแรงตีจริงๆ อาจต้องลดลงจากค่าที่คำนวณในหัวข้อ 7. นิดนึงนะครับ
หรือกะแรงเพิ่มลดตามความสูงต่ำของหลุม และลมด้วย อันนี้ต้องใช้ประสบการณ์เอาครับ

สุดท้ายนี้ หวังว่า พื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้ท่านตีได้ถูกวิธี เล่นได้ดีขึ้นนะครับ


บทความเทคนิคพิเศษ by Iodide

เทคนิคสำหรับผู้เล่นระดับกลาง

1. การตีงัดลูก ด้วยการหมุนลูกลง เพื่อเพิ่มระยะ [+สามารถใช้ยาสปินช่วยได้]

2. การเพิ่มของ คอมโบเกจ ถ้าตี power spin , power curve จะได้ มากกว่า ตีปังย่าแบบธรรมดา

3. ค่าสปินที่เหมาะสำหรับผู้ฝึกยิงโทมาฮอว์ก ควรอยู่ที 6-7 ไม่ควรเกิน ไม่งั้นจะเจ็บใจเล่น

4. การตีให้ลูกเบ้ไปซ้าย[หรือเรียกว่าฮุก] หรือขวา[หรือเรียกว่า สไลด์]
ด้วยการกดให้ไม่ตรงกับจุดอิมแพคโดยให้เลยไปซ้าย หรือ ขวา + การหมุนลูก ซ้าย/ขวา
***ไม่ใช่ พาวเวอร์เคิฟนะครับ

5. เทคนิคการใช้ 6i ชิปบีมอิมแพค ตามปกติ ธรรมชาติของเหล็ก6 หรือ 6i จะมีระยะ 100% อยู่ที่ 140 หลา
แต่ระยะที่ลูกตกจะอยู่ที่ประมาณ 120 - 130 (ไม่นับลม)
แต่ถ้าหากจะลองใช้ 6i เพื่อชิปอินระยะ 5 - 30 หลาให้กะโดยวิธีดีงนี้
เหล็ก 6i ที่ระยะใกล้ๆจะมี จุกตกอยู่ประมาณ 12/1ช่อง

ตัวอย่างสมมุติ

ตัวแปรต้น ประกอบด้วย

- หลุมอยู่ระยะ 12 หลา
- อยู่วางอยู่บนขอบรัฟบลูลากูน [95%]< อันนี้ระยะมันน้อยแรงจึงคิดน้อยมาจนแทบไม่คิด
- ลูกได้แนวระดับไม่เอียงซ้ายหรือขวา
- ลมสวน 1 [ลมสวนจะชิปง่ายที่สุด]

ตัวแปรตาม ประกอบด้วย

- บีมอิมแพค หรือ ไม่ลง

ตัวแปรควบคุม ประกอบด้วย

- ไม้เบอร์ 6i

ผลที่ได้จากการทดลอง

- หากเพื่อนเล็งตรงหลุมพอดี แล้วดี 1 ช่อง ก็ลงบีมอิมแพคแน่นอนครับ

ถ้าปัจจัยอื่นๆหละ
** หลุมอยู่ระยะอื่น ก็หารเอาเลยครับ ช่องละ12 2ช่องก็24 1/2ช่องก็ 18
** ลูกอยู่ในรัฟอื่นๆ อันนี้ต้องใช้ความชำนาญครับ ฝึกบ่อย
** ลูกเอียง ซ้าย/ขวา

- ถ้าระยะสั้นๆ จะมีผลน้อยมาก ไม่คิดเลยก็ได้
- ถ้าระยะไกล ลูกเอียงซ้ายจะมีผลทำให้ลูกออกไปซ้าย ให้เผื่อไปทางขวา
- ถ้าระยะไกล ลูกเอียงซขวาจะมีผลทำให้ลูกออกไปขวา ให้เผื่อไปทางซ้าย

6. ลูกเอียง ลง/ขึ้น
- อันนี้จะมีผลพอสมควร หากลูกเอียงลง ลูกจะตกก่อนระยะที่เรากะไว้ ให้เพิ่มแรง
- ถ้าลูกเอียงขึ้น ลูกจะตกเกินระยะที่เรากะไว้ ให้ลดแรง

7. ลม ตาม/สวน - ลมตามนี่กะยากพอควรครับ เพราะหากเราตีเบาไปลูกจะเด้งไปข้างหน้าแรงมากทำให้โอกาศที่จะลงยาก โดยที่ระยะสั้นๆให้คิดประมาณ 4ลม/1หลา
[อันนี้เป็นเทคนิคของข้าพเจ้า ไม่ตรงอย่าว่ากันเน้อ]
- ลมสวนจะกะได้ง่ายหากเราตีเบาไป ลูกยังมีโอกาสเด้งครั้งที่2ลงสูง แต่ไม่ได้บีมนะครับ ส่วนแรงก็คิดคล้ายกัน คือ 4 - 1

8. ลม ซ้าย/ขวา
- อันนี้ผมก็บอกตายตัวไม่ได้เหมือนกันเพราะมันแล้วแต่ความเคยชิน แต่จำได้แม่นอันนึง เพราะเจ็บใจบ่อย
ที่ลม ซ้ายหรือขวา [0 องศา,180องศา] ระยะ 17 - 19 หลา ให้เผื่อ ซ้าย/ขวา ไป1ช่องบอกไลน์กรีนเรยครับ
- หากต้องการจพชิปบีมง่ายๆ ต้องอยู่ที่การวางลูก หากวางลูกให้ลมตรงได้ก็ทำให้ชิปได้ง่ายขึ้นเยอะ
ข้อดีของ Beam impact ด้วย 6i
- เท่ อ่ะแน่นอน
- สามารถใช้ช่วยเหลือหากเราสปินพลาดจนทำให้ไม่สามารถออน หรือพัตจากนอกกรีนไม่ไหว
- ได้เพิ่ม 100 ปัง ถ้าฝนตก ก็ 200 ปัง

ข้อเสียของ Beam impact ด้วย 6i
- ถ้าไม่ลงก็จะไม่เท่
- รัฟบางสนามไม่เอื้ออำนวย เช่น วินฮิล หรือ ดีฟอินเฟอโน่ (รัฟสีดำ) เพราะมันดูดแรงและกะยาก แต่ใครเล่นบ่อยๆก็จะกะได้เอาครับ
- หากเล็งไม่ตรงหลุม ลูกจะไหลไปไกลพอควร หากเจอไลน์โหดๆอย่าง ดีฟอินเฟอโน่ ละก็แย่ครับ
~~~~ตรงไม่ตรงประการใดขออภัยมานะที่นี้ด้วย~~~~
**** หวังว่าเพื่อนๆคงได้ 100 ปังทุกคนนะครับ ****
---------- ยินดีรับทุกความคิดเห็นจ้า ----------
เครดิตบาย Moki
http://board.ini3.co.th/viewtopic.php?t=16187&start=0